logo moodidea transparent2
MOODIDEA CO., LTD.

SEO คืออะไร? : 8 ปัจจัยการทำ SEO ที่ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

moodidea

การทำ SEO ย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization เป็นการปรับปรุงเว็บไซต์หรือเป็นวิธีการทำต่างๆ เพื่อให้เว็บไซต์อยู่อันดับต้นๆ ในเว็บค้นหา (Search Engine) หลักการของ SEO คือเมื่อคุณกรอก Keyword ในช่องค้นหาแล้วก็จะปรากฎเว็บไซต์ในหน้าแสดงผลการค้นหา หรือพูดง่ายๆ ก็คือการปรับปรุงเว็บไซต์ด้วยปัจจัยต่างๆ ให้เป็นที่ชื่อชอบของ Google ซึ่งก็จะมีปัจจัยมากมาย เช่น เนื้อหา (Content), ความเร็วของเว็บไซต์, โครงสร้างบนเว็บไซต์ แต่หากพูดถึงปัจจัยหลักสามารถแบ่งออกได้ 2 ปัจจัย ดังนี้

  • On-Page SEO เป็นการทำ SEO ที่เป็นกิจกรรมทั้งหมดในเว็บไซต์เรา (ปัจจัยภายใน) เช่น การปรับโครงการเว็บไซต์, การเขียนบทความ, การปรับความเร็วเว็บ, การปรับ H1 H2 H3, การใส่คีย์เวิร์ด Alt ที่รูปภาพ
  • Off-Page SEO เป็นการทำลิ้งย้อนกลับมายังเว็บไซต์เรา (Backlink) รูปแบบต่างๆ มายังเว็บไซต์ของเรา (ปัจจัยภายนอก) เว็บไซต์ที่เราทำ Backlink กลับมา ควรจะมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเว็บไซต์ของเราและมีคุณภาพ เช่น มีค่า TF DA PA สูงก็จะเพิ่มโอกาสในการทำอันดับมากยิ่งขึ้น

อัลกอริทึม (Algorithm) ของกูเกิ้ลพยายามสมมุติว่าตัวเองคือผู้ใช้ที่เข้ามาหาข้อมูล เพราะฉะนั้นแก่นของ SEO คือ “เข้าใจผู้ใช้งาน” (Pain Point) ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าเสิร์ชคีย์เวิร์ด รับทำ SEO สายขาว แต่เข้าเว็บไปเจอข้อมูล SEO สายดำ เมื่อลูกค้าไม่เจอข้อมูลที่ต้องการก็จะทำการปิดเว็บไปโดยทันที (ทำให้เกิด Bounce rate สูง) ทำให้ Google รีบเข้ามาจัดการเว็บนี้ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องทันที

เรียนรู้หลักการทำงานของ Google Search ก่อนที่จะทำ SEO

Search Engine คือ “โปรแกรมการค้นหา” จะทำการค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ต่างๆ ที่อยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งการค้นหาจะขึ้นอยู่กับระบบ อัลกอริทึม (Algorithm) ของผู้ให้บริการ (Search Engine) ว่าเว็บไซต์แบบใดมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากที่สุดก็จะแสดงการค้นหาอยู่ในอันดับแรกๆ Search Engine ปัจจุบันที่นิยมใช้งานกัน ได้แก่

  • Google ในปัจจุบันถือว่า Google เป็นอันดับต้นๆ ของเสิร์ชเอนจิน (Search Engines) ของโลก ซึ่ง Market share มากกว่า 70% ของผู้ใช้งานทั้งโลก
  • Bing เป็นที่นิยมในอเมริการองจาก Google
  • Baidu เสิร์ชเอนจิน ถือเป็นอันดับ 1 ของจีน
  • Yahoo ปัจจุบันความนิยมลดน้อยลงไปมาก
  • Yandex เป็นที่นิยม ยูเครน คาซัคสถาน ตุรกี เบรารุส รัสเซีย
  • อื่นๆ ARK , DuckDuckGo

หลักการทำงานเบื้องต้นของ Google Search Engine

  1. Crawl Google จะส่ง Robot ไปเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งในแต่ละปีมีมากถึงพันล้านเว็บไซต์ต่อปี โครงสร้างเว็บที่มีปัจจัยเอื้อให้บอทของ Google เก็บข้อมูลได้ง่ายส่งผลดีต่อ การทำ SEO และอันดับใน Website อย่างแน่นอน
  2. Index หลังจากออกไปเก็บข้อมูล กูเกิ้ลก็จะมาทำดัชนีของตัวเองโดยผ่านอัลกอริทึม (Algorithm) ทีตัวเองเป็นตัวกำหนด เราสามารถเช็คได้ว่าเว็บไซต์ของเรา Index หรือถูกเก็บในดัชนีของ Google แล้วหรือยังโดยการใส่ site:โดเมนเนมของคุณ.com ในช่องค้นหา
  3. Ranking เมื่อเว็บผ่านขั้นตอนทั้ง 2 ข้อด้านบน ก็จะแสดงเป็นผลการค้นหาเมื่อมีผู้เสิร์ชด้วย keyword ที่เกี่ยวข้อง โดยแสดงเป็นผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากที่สุด

ข้อดี-ข้อเสีย การทำ SEO คืออะไร?

ข้อดี

  1. ช่วยเพิ่มคนเข้าเว็บไซต์ฟรีๆ
  2. เพิ่มโอกาสในการขายของมากยิ่งขึ้น
  3. สามารถลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาได้
  4. ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ

ข้อเสีย

  1. ใช้ระยะเวลานานกว่าที่จะเห็นผล
  2. การทำ SEO ในปัจจุบันทำได้ยากขึ้น เนื่องมาจากปัจจัย SEO

8 ปัจจัย การทำ SEO คืออะไร? / อัพเดท การทำ SEO

มีปัจจัย SEO ที่มีผลต่อการจัดอันดับมากกว่า 200 ปัจจัยใน Google ซึ่งต้องยอมรับว่าคงไม่มีใครทำครบถึง 200 ข้ออย่างแน่นอน ลำพังแค่สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพก็น่าจะใช้เวลามากพอสมควรแล้ว

ปัจจุบันในการทำ SEO คุณภาพของเว็บไซต์ต้องมาเป็นอันดับแรก ซึ่งการทำอันดับหรือรับทำ SEO ใน Google มีปัจจัยต่างๆ ที่พอสรุปได้มีดังนี้

  • Quality Content เนื้อหาในเว็บไซต์ / บทความ มีความเกี่ยวข้อง และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานจริงๆ ไม่ใช่มุ่งเน้น SEO มากจนเกินไป สังเกตดีๆ ปัจจุบันนี้หลายเว็บไซต์เริ่มปรับตัวเช่นทำสารบัญในเว็บ มีรูปภาพ หรือมัลติมีเดียประกอบบทความ พร้อมทั้งเนื้อหาที่มากขึ้นด้วย
  • Backlink Profiles การทำแบ๊คลิ้งกลับมาที่เว็บไซต์ควรจะเป็นเว็บที่คุณภาพจริงๆ อย่างน้อยๆ ควรเป็น Link ที่มาจากเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บของเรา แต่ถ้าถามว่า Backlink แบบไหนที่กำลังเป็นที่นิยม และได้ผลดีคือ Guest post นั่นเอง Agency SEO บางรายก็นิยมลง Content บทความพวกเว็บข่าวชื่อดัง เช่น มติชน, ข่าวสดฯ ซึ่งค่อนข้างให้ผลดีเป็นอย่างมาก
  • Content Freshness อัพเดทเนื้อหาที่สดใหม่ ทันต่อสถานการณ์อยู่เสมอๆ
  • Mobile Usability เรื่องนี้ถือเป็นปัจจัยหลัก และเป็นสิ่งที่ Google ให้ความสำคัญต่อการจัด Ranking และ SEO เนื่องจากสถิติปัจจุบันมีการเข้าเว็บไซต์จากมือถือเป็นจำนวนมาก อาจจะมากกว่า Desktop ด้วยซ้ำ Google จึงค่อนข้างให้ความสำคัญมาก เพราะฉะนั้นการออกแบบเว็บไซต์ควรจะรองรับมือถือ Smartphone Tablet
  • Website Security เว็บไซต์ควรมีการติดตั้ง SSL Certificate (https) เนื่องจาก Chorme จะขึ้นเตือนด้วยหากเว็บไซต์ไหมไม่มี SSL เมื่อผู้เข้าชมเว็บเห็นก็อาจปิดเว็บของเราไปเลย
  • Schema Markup ชุดโค๊ด HTML ที่จะเป็นตัวช่วยให้ Google รู้ว่าข้อมูลของคุณเป็นรูปแบบไหน เช่น หน้าสินค้า, หน้าบทความ โดยรูปการแสดงผลจะแตกต่างกันไป อีกทั้งยังทำให้ CTR เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจาก Format ที่โชว์ในหน้า Serp ค่อนข้างน่า Click กว่าเว็บที่ไม่ได้ทำการติดตั้ง
  • User Experience จะเห็นได้ว่าการทำ SEO ข้อบนๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับ User Experience ทั้งสิ้น เช่นการมีเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่ดีก็จะทำให้ลูกค้าอยู่ในเว็บของเรานานขึ้น มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องน่าสนใจทำให้ลูกค้าตามอ่านเรื่อยๆ BOUNCE RATE ลดลง Time on page หรือเวลาที่อยู่ในเว็บไซต์ก็นานขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ในหลายเว็บที่อันดับ SEO ดีขึ้นกว่าเว็บที่สร้างมาเพื่อ SEO เพียงอย่างเดียว (คิดว่าข้อนี้สำคัญมากๆ หากคุณติด Google Anaytics สถิติพวกนี้จะถูกบันทึกไว้หมดแล้ว มีหรือที่ Spider หรือบอทของกูเกิ้ลจะไม่รู้)
  • Website Page Speed เป็นเรื่องความเร็วของเว็บไซต์ แนะนำลองใช้เครื่องมืออย่าง PageSpeed Insights หรือว่า Google Lighthouse ตรวจสอบเว็บความเร็ว และมันจะบอกวิธีแก้ปัญหาให้ ควรวางแผนเรื่องนี้ตั้งแต่แรก หากมาปรับแก้ทีหลังจะค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่อง Coding

วิธีทำ On-page SEO ขั้นพื้นฐาน

การทำ Onpage SEO (บทความ) สิ่งที่ควรจะต้องทำมีดังนี้

  • มี Keyword ใน Title
  • มี Keyword ใน H1
  • มี Keyword ใน H2
  • มี keyword อยู่ในพารากราฟแรก / ไม่ควรเกิน 200 คำแรก ของบทความ
  • มีเนื้อหาอย่างน้อย 500 คำ
  • ทำ LINK ออกไปยังเว็บที่เกี่ยวข้อง (น่าเชื่อถือนิดนึง)
  • ทำ LINK ภายในเว็บไซต์ของเรา ควรเกี่ยวข้องกับเนื้อหานิดนึง
  • ควรมีรูปประกอบ และใส่ Keyword ให้กับรูป (alt)
  • ความหนาแน่นของ Keyword ควรอยู่ที่ 3-5% / Page

การทำ SEO Off-page

Off page SEO คือเทคนิคการทำ Backlink กลับมายังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งควรทำในปริมาณที่พอเหมาะและค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ตัวอย่างประเภทเว็บที่ให้ทำ Link

  • Blog Commenting เป็นการไปคอมเม้นในเว็บไซต์ที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บเราและทำ Link กลับมา
  • Guest Posting การเขียนบล็อกและเผยแพร่บนเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรา แนะนำเลยเพราะผลลัพธ์ดีมาก แต่ราคาก็แพงเช่นกัน
  • Forum Posting เป็นการโพสบนเว็บบอร์ดต่างๆ
  • Video Marketing เพยแพร่วิดีโอบนแพลตฟอร์มวิดีโอ เช่น Youtube พร้อมทำ Link กลับมา
  • Share PDF ให้เราเอาบทความไปแปลงเป็น PDF แล้วอัพโหลดตามเว็บที่ให้แชร์ PDF พร้อมทำ Link มายังเว็บไซต์
  • Photo Sharing เช่น Flick, imgur.com ฯลฯ

คำถาม-คำตอบ SEO / FAQ ?

On-page SEO กับ Off-page SEO เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?

On page นั้นจะเน้นปรับปัจจัยภายในเว็บเราเอง
off page เน้นสร้าง Backlink รูปแบบต่างๆ กลับมายังเว็บไซต์เรา

อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำ Off-page SEO?

การสร้าง Link จากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บเรามากที่สุด และควรเป็นเว็บที่น่าเชื่อถือ
ควรจะทยอยทำและเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่ใช่อัด Backlink จำนวนมากที่เดียว เว็บเราอาจจะโดน Google ลงโทษได้

ทำไม On-page SEO ถึงสำคัญกับการทำ SEO มากที่สุด?

On-page SEO ยังเป็นปัจจัยสำคัญ และ Google ยังให้ความสำคัญต่อการจัดอันดับอยู่มาก
ซึ่งปัจจุบันมีหลายปัจจัยมากที่ทำให้ Google รู้ว่าเว็บไซต์เราเกี่ยวกับอะไร เราโฟกัสอะไรเป็นพิเศษ

ในการทำ SEO ยังมีปัจจัยในการจัดอันดับและเทคนิคในการทำ SEO อีกมากมายที่ไม่สามารถรวบรวมมาได้ทั้งหมด บางเทคนิค SEO ทำแล้วอาจจะได้ผลสำหรับบางเว็บ บางเทคนิคอาจทำไม่ได้ผล ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และการเฝ้าสังเกตของการทำ SEO ขนาด H1 H2 ที่สำคัญนักสำคัญหนา บางเว็บก็ไม่ได้ใส่นะครับ (แต่ควรใส่นะ) แต่ก็สามารถทำอันดับได้ดี ซึ่งเราก็งงๆ อยู่เหมือนกัน แต่ยังไงการปรับ On page ก็ยังคงสำคัญที่สุด

Table of Contents

Moodidea

DIGITAL MARKETING

บริการรับทำการตลาดออนไลน์ (Digital marketing) แบบครบวงจร มาที่เราครบจบในที่เดียว